ตอบคำถามต่อไปนี้ (1-3 พ.ร.บ.ภาคบังคับ, 4
พ.ร.บ.บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ) ลงในบล็อกของนักศึกษา
1.เหตุผลทำไมต้องประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545
เหตุผลที่มีการประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 นั้นเพราะว่ากฎหมายบังคับบิดา มารดาหรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในการดูเเลภาคบังคับจำนวน 9 ปี โดยให้เด็กอายุย่างเข้า 7 ปีเข้าเรียนในสถานศึกษาจนอายุย่างเข้า 16 ปี เว้นเเต่จะสอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประถมศึกษา เพื่อให้เหมาะสมกับกฎหมายดังกล่าว
2.ท่านเข้าใจความหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545
อย่างไร
ก. ผู้ปกครอง หมายความว่า บิดามารดา หรือบิดา
หรือมารดา
ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และหมายความรวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำหรือที่เด็กอยู่รับใช้การงาน
ข.เด็ก หมายความว่า
เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
เว้นแต่เด็กที่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับแล้ว
ค.การศึกษาภาคบังคับ หมายความว่า
การศึกษาชั้นปีที่หนึ่งถึงชั้นปีที่เก้าของการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
ง.
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายความว่า
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาอยู่ในสังกัด
3.กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษ
อย่างไร
และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการผ่อนผันเด็กเข้าเรียน
ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้เด็กได้เข้าเรียนตามวรรคหนึ่ง
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รายงานให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่ที่พบเด็ก
แล้วแต่กรณีเพื่อดำเนินการให้เด็กได้เข้าเรียนในสถานศึกษา สำหรับกรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายดังต่อไปนี้
-
มาตรา 13 ผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
-
มาตรา 14 ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 9 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
- มาตรา 15 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร
กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นเหตุให้เด็กมิได้เรียนในสถานศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
- มาตรา 16 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 หรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
4. ให้นักศึกษาสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร
ราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร
ราชการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่
- อำนาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
คือ จัดการศึกษา บำรุงศาสนา และสืบสานศิลปวัฒนธรรม
-
การจัดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการจัดได้เป็น 3
ส่วน คือ ส่วนกลาง เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาของรัฐระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
- การกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการให้คำนึงถึง
-
คุณวุฒิ ประสบการณ์ และมาตรฐานวิชาชีพ
- ลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบ
และคุณภาพงาน
-
บทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.
นี้คือ อำนาจในการออกกฎกระทรวง ระเบียบและประกาศ
และตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งและหน่วยงาน
-
การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ประกอบด้วย ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานรัฐมนตรี และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
-
ส่วนราชการส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการสำนักงานรัฐมนตรีไม่เป็นนิติบุคคล
ส่วนสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นนิติบุคคล
-
ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ คือ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
-
อำนาจหน้าที่ของสภาการศึกษา คือ พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ พิจารณาเสนอนโยบายแผน
และมาตรฐานการศึกษา รวมไปถึงพิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
-
ประธานคณะกรรมการสภาการศึกษา คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
-
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทำหน้าที่รับผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
-
หน้าที่ของผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ คือ นิเทศ ให้คำปรึกษา
และแนะนำเพื่อการปรับปรุง ตรวจราชการ และศึกษาวิเคราะห์วิจัย
-
หน่วยงานระดับที่สามารถมีผู้ตรวจราชการได้ คือ กระทรวงศึกษาธิการ กรมหรือหน่วยงานเทียบเท่ากรม
และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
-
บทบาทของคณะตรวจราชการในระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา คือ ศึกษา
วิเคราะห์วิจัย นิเทศ ติดตามและประเมินผลการบริหารและการดำเนินงาน
-
บทบาทของกระทรวงศึกษาธิการที่มีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ
ประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษา เสนอแนะการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษา
และประสานส่งเสริมการจัดการศึกษา
- ในกรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่อาจจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นผู้จัด
- หากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่สามารถจัดได้
หน่วยงานที่สามารถจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ คือหน่วยงานดังต่อไปนี้
- การจัดการศึกษาในรูปแบบการศึกษานอกระบบหรือตามอัธยาศัย
- การจัดการศึกษาสำหรับคนที่มีความสามารถพิเศษ
- การจัดการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความบกพร่อง
ทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์
สังคมการสื่อสารและการเรียนรู้หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ
- ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานรองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
คือ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการ
- ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสถานศึกษาของรัฐในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
คือ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น