วิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับพระ
เปิดใจ เจ้าอาวาสดัง-แกนนำยกรถทหาร
“ถ้าไม่ยอม
จะลุกฮือเต็มพุทธมณฑล”
วิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับพระ
เปิดใจ เจ้าอาวาสดัง-แกนนำยกรถทหาร
“ถ้าไม่ยอม
จะลุกฮือเต็มพุทธมณฑล”
เป็นภาพเหตุการณ์ชวนตกใจ
หลังเกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างทหารพล.ร.9 ที่มาปิดกั้นทางเข้าพุทธมณฑล
เพื่อไม่ให้รถยนต์ รถบัสของพระสงฆ์ และประชาชนที่จะมาร่วมสัมมนา
"สกัดแผนล้มการปกครองคณะสงฆ์ไทย"
ทำให้คณะพระสงฆ์ที่เข้าไม่ได้เกิดการปะทะกันและมีการรื้อลวดหนามออกเปิดทางให้รถยนต์ได้เข้าส่วนหนึ่ง
จากนั้นทหารได้ปรับแผนด้วยการใช้รถยนต์คัมวี่ มาปิดกั้นไม่ให้รถบัสขนาดใหญ่เข้า
ทำให้เกิดการปะทะกันอีกรอบ
พระประสงค์ ปัญญาวุฒโธ
เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เขาพลุคำ ต.วังคัน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เข้าต่อรองให้ทหารนำรถยนต์คัมวี่
ที่จอดขวางทางเข้าออก แต่ทางทหารไม่ยอมดำเนินการตามเจรจา พระประสงค์
จึงประกาศให้พระช่วยกันยกรถยนต์คัมวี่ของทหารหลบออกนอกเส้นทาง
เจ้าหน้าที่ทหารก็ได้เข้ามาเจรจาว่าคนขับรถคันดังกล่าวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะถูกทำร้ายร่างกายขณะชุลมุน
ขณะเดียวกันได้มีพระสงฆ์ที่นำคณะมาจากรถบัสได้ยอมเดินลงจาดรถบัสและเดินเท้าจากถนนพุทธมณฑล
เข้ายังลานหน้าพระพุทธมณฑล
เจ้าอาวาส สำนักสงฆ์เขาพลุคำ
เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้คณะพระสงฆ์มาทำกิจกรรมของสงฆ์
ซึ่งพระไม่ได้มาเพื่อมีปัญหา แต่ทหารกลับมาปิดกั้นไม่ให้รถของเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท
4 เข้าไป ทำให้รถก็ติดเต็มไปหมด
ตามหลักแล้วทหารต้องมาอำนวยความสะดวกไม่ใช่มาปิดกั้นไม่ให้รถเข้า
ปัญหามันก็เลยเกิด เมื่อทหารมากั้น อาตมาก็เลยนิมนต์พระมาช่วยยกรถหลบๆ
ไปเพื่อที่จะอำนวยความสะดวกแค่นั้นเอง
สำนักพุทธฯ เป็นเขตของสงฆ์
ทหารไม่ควรที่จะมายุ่งเกี่ยว น่าจะปล่อยให้สงฆ์ทำงานไป
เพราะคณะสงฆ์ไม่เคยแสดงบทบาทอะไร สงบนิ่งมาตลอด
แต่ในวันนี้จะขอมารวมตัวกันเพื่อแสดงพลังเพื่อจะมาบอกอะไรสักอย่างให้ทางส่วนราชการ
หรือเบื้องบน แม้แต่หัวหน้ารัฐบาลได้รับทราบว่า คณะสงฆ์ที่มารวมตัวกันนี้เพื่อต้องการเรียกร้องอะไร
ที่ผ่านมาร้องอะไรไปก็เงียบ
อย่างที่ได้ยื่นเสนอไปให้ตั้งพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ โดยเสนอไป 1
ล้านชื่อก็เงียบ ในครั้งนี้เรามารวมพลังกัน
ถ้าไม่ยอมพระสงฆ์ก็จะลุกฮือกันเต็มพุทธมณฑล
http://news.sanook.com/1950062/ 16 ก.พ. 60 ( 07:36 น.)
➨วิเคราะห์ข่าว
จากการที่ดิฉันได้อ่านข่าวนี้ รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก ซึ่งข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองไทยระหว่างผู้ที่รักษาศาสนากับทหาร ในการปะทะกันครั้งนี้ได้เกิดขึ้นระหว่างทหารและประชาชน โดยทหารพล.ร.9 ที่มาปิดกั้นทางเข้าพุทธมณฑล เพื่อไม่ให้รถยนต์ รถบัสของพระสงฆ์ และประชาชนที่จะมาร่วมสัมมนา "สกัดแผนล้มการปกครองคณะสงฆ์ไทย" ทำให้คณะพระสงฆ์ที่เข้าไม่ได้เกิดการปะทะกันและมีการรื้อลวดหนามออกเปิดทางให้รถยนต์ได้เข้าส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นทหารได้ใช้รถยนต์คัมวี่ มาปิดกั้นไม่ให้รถบัสขนาดใหญ่เข้า ทำให้เกิดการปะทะกันอีกรอบ โดยเจ้าอาวาสได้เข้าต่อรองให้ทหารนำรถยนต์คัมวี่ ที่จอดขวางทางเข้าออก แต่ทางทหารไม่ยอมดำเนินการตามเจรจา พระประสงค์ จึงประกาศให้พระช่วยกันยกรถยนต์คัมวี่ของทหารออกนอกเส้นทาง เป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงมาก ซึ่งการใช้อาวุธและการปะทะอารมณ์กันอย่างหนัก เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กๆที่ทุกคนหรือทั้งสองฝ่ายสามารถคุยกันและประนีประนอมสถานการณ์นั้นได้ ความรุนแรงครั้งนี้ทำให้เกิดผู้บาดเจ็บ เนื่องจากมีการใช้ของมีคมลวดหนามในการต่อสู้ครั้งนี้ ความร้ายแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อ ผู้คนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรใช้เหตุผลในการพูดและแก้ไขปัญหามากกว่าการใช้อารมณ์ และเชื่อว่าหากทุกคนเข้าหันหน้าคุยกันทุกอย่างก็จะสามารถลงเอยด้วยดี
จากการที่ดิฉันได้อ่านข่าวนี้ รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก ซึ่งข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองไทยระหว่างผู้ที่รักษาศาสนากับทหาร ในการปะทะกันครั้งนี้ได้เกิดขึ้นระหว่างทหารและประชาชน โดยทหารพล.ร.9 ที่มาปิดกั้นทางเข้าพุทธมณฑล เพื่อไม่ให้รถยนต์ รถบัสของพระสงฆ์ และประชาชนที่จะมาร่วมสัมมนา "สกัดแผนล้มการปกครองคณะสงฆ์ไทย" ทำให้คณะพระสงฆ์ที่เข้าไม่ได้เกิดการปะทะกันและมีการรื้อลวดหนามออกเปิดทางให้รถยนต์ได้เข้าส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นทหารได้ใช้รถยนต์คัมวี่ มาปิดกั้นไม่ให้รถบัสขนาดใหญ่เข้า ทำให้เกิดการปะทะกันอีกรอบ โดยเจ้าอาวาสได้เข้าต่อรองให้ทหารนำรถยนต์คัมวี่ ที่จอดขวางทางเข้าออก แต่ทางทหารไม่ยอมดำเนินการตามเจรจา พระประสงค์ จึงประกาศให้พระช่วยกันยกรถยนต์คัมวี่ของทหารออกนอกเส้นทาง เป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงมาก ซึ่งการใช้อาวุธและการปะทะอารมณ์กันอย่างหนัก เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กๆที่ทุกคนหรือทั้งสองฝ่ายสามารถคุยกันและประนีประนอมสถานการณ์นั้นได้ ความรุนแรงครั้งนี้ทำให้เกิดผู้บาดเจ็บ เนื่องจากมีการใช้ของมีคมลวดหนามในการต่อสู้ครั้งนี้ ความร้ายแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อ ผู้คนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรใช้เหตุผลในการพูดและแก้ไขปัญหามากกว่าการใช้อารมณ์ และเชื่อว่าหากทุกคนเข้าหันหน้าคุยกันทุกอย่างก็จะสามารถลงเอยด้วยดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น